SALTIGA: พลังแห่งความฝันของนักตกปลา

"สักวัน ฉันจะได้ตัวนั้น" คือความฝันของนักตกปลาทุกคน และ SALTIGA คือคำตอบ ด้วยดีเอ็นเอแห่งความแข็งแกร่งจากรอกออฟชอร์ระดับสูงสุดของ DAIWA ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้ SALTIGA พร้อมเผชิญหน้ากับปลาขนาดใหญ่และท้าทายทุกขีดจำกัด

SALTIGA ไม่ใช่แค่รอก แต่คืออาวุธที่จะทำให้ทุกความฝันใกล้ความจริง มอบความมั่นใจให้กับนักตกปลาทั่วโลกในการพิชิตปลาในฝันอย่างแท้จริง

Monocoque Body คือเทคโนโลยีโครงสร้างตัวเครื่องแบบชิ้นเดียวที่แข็งแกร่งและทนทาน โดยปกติแล้ว รอกสปินนิ่งทั่วไปจะใช้ตัวเครื่องและฝาครอบรองรับปลายทั้งสองด้านของเฟืองขับเคลื่อน (Drive Gear) และยึดด้วยสกรูหลายจุด

เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความแข็งแรงยิ่งขึ้น Monocoque Body ได้ยกเลิกการใช้ฝาครอบตัวเครื่อง โดยใช้แผ่นเพลทความแม่นยำสูงขันเข้ากับตัวเครื่องโดยตรง วิธีนี้ช่วยเพิ่ม ความแม่นยำในการรองรับเฟือง พร้อมทั้งเพิ่ม ความแข็งแรงและการซีลป้องกันน้ำ ให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การออกแบบดังกล่าวยังช่วยใช้พื้นที่ที่เคยใช้กับสกรูให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการขยายขนาดเฟืองขับเคลื่อน (Drive Gear) ให้ใหญ่ขึ้นจนถึงขีดสุด Monocoque Body หมายถึง "MONO" (หนึ่งเดียว) - "COQUE" (เปลือก) สะท้อนถึงความแข็งแกร่งดุจเปลือกหอย ลักษณะโครงสร้างใหม่นี้จึงเป็นการพลิกโฉมแนวคิดของรอกสปินนิ่งโดยสิ้นเชิง

Monocoque Body แบบ Full Metal (อลูมิเนียม) ถูกนำมาใช้ โดยมีความแข็งแรงสูง น้ำหนักเบา และมีโครงสร้างกะทัดรัด พร้อมทั้งบรรจุ Tough DigiGear ขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความทนทานและประสิทธิภาพในการใช้งาน

Power Drive Design: แนวคิดการออกแบบรอกสปินนิ่งรุ่นใหม่สำหรับปลาขนาดใหญ่ทั่วโลก 

Power Drive Design คือแนวคิดการออกแบบรอกสปินนิ่งรุ่นใหม่ที่มุ่งเน้นความน่าเชื่อถือสูง เพื่อตอบสนองการใช้งานในการตกปลาขนาดใหญ่ทั่วโลกอย่างมั่นใจ โดยเน้นการสร้างพลังในการหมุนที่มีประสิทธิภาพสูงและกำลังดึงที่ทรงพลัง

องค์ประกอบของ Power Drive Design:

Power Drive Design ประกอบด้วย 2 ยูนิตเทคโนโลยีหลัก ได้แก่

1. Power Drive Engine (ยูนิตตัวเครื่อง):

2. Power Drive Rotor (ยูนิตโรเตอร์):

Power Drive Engine (ยูนิตตัวเครื่อง):

Power Drive Engine ประกอบด้วย 2 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่

Oversized Power DigiGear:

• เฟืองขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพิ่มขึ้นและมีความหนาแน่นสูง

• รูปทรงของฟันเฟืองถูกปรับแต่งให้เหมาะสม ทำให้ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนของเฟืองเพิ่มขึ้นอย่างมาก

Roller Power Oscillation:

• ใช้ระบบลูกปืนในโครงสร้างการออสซิลเลต (Oscillation)

• ลดแรงเสียดทานได้อย่างมาก ทำให้ตอบสนองเร็วตั้งแต่เริ่มหมุนและดึงได้อย่างเบาแรง

Power Drive Rotor (ยูนิตโรเตอร์):

ยูนิตด้านหน้าของรอก ประกอบด้วย 2 เทคโนโลยี ได้แก่

Crank Power Bail:

• เพิ่มพลังในการเปิด-ปิดเบล และออกแบบให้มีลักษณะข้อเหวี่ยง

• ส่งสายไปยังไลน์โรลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ

Tough Line Roller System:

• ปรับโครงสร้างรองรับของไลน์โรลเลอร์และปรับรูปทรงใหม่

• เพิ่มความทนทานและลดปัญหาสายพันกัน

ประสิทธิภาพโดยรวม:

การผสมผสานเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ Power Drive Design มีความแข็งแกร่ง พลัง และความทนทานสูง เหมาะสำหรับการตกปลาขนาดใหญ่ เช่น การตีเหยื่อปลอม (Casting Game) และการจิ๊กกิ้ง (Jigging Game) โดยสามารถรองรับแรงดึงและการใช้งานอย่างต่อเนื่องได้อย่างมั่นคง

※ รุ่น 25 SALTIGA ได้ติดตั้งเทคโนโลยีทั้งหมดของ Power Drive Design ได้แก่ Oversized Power DigiGear, Roller Power Oscillation, Crank Power Bail และ Tough Line Roller System อย่างครบถ้วน ทำให้รอกนี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักตกปลาที่ต้องการพลังและความแข็งแกร่งสูงสุดในทุกการใช้งาน

Power Drive Engine คือยูนิตตัวเครื่องที่ให้พลังหมุนที่มีประสิทธิภาพสูงและทรงพลัง ประกอบด้วย 2 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ Oversized Power DigiGear และ Roller Power Oscillation

ด้วยโครงสร้าง Monocoque Body ที่เป็นเอกลักษณ์ของ DAIWA ทำให้สามารถเพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเฟืองขับเคลื่อนให้ใหญ่ขึ้นอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งปรับปรุงระบบออสซิลเลตใหม่ ส่งผลให้การหมุนมีน้ำหนักเบาและทรงพลังตั้งแต่เริ่มต้น

MC Tough DigiGear: เฟืองที่แข็งแกร่งและทนทานสูง

MC Tough DigiGear ผลิตจาก G1 Duralumin ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนทานสูง โดยมีการขยายขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพิ่มขึ้นประมาณ 10% และเพิ่มความหนาขึ้นประมาณ 6% (ตามวิธีการคำนวณของบริษัท)

การพัฒนาในครั้งนี้ทำให้เฟืองมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ลดการบิดงอแม้ต้องรับภาระหนักต่อเนื่องในระหว่างการต่อสู้กับปลา ทำให้เฟืองยังคงขบกันได้อย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ

การลดการสูญเสียพลังในการส่งกำลังอย่างมากนี้ ช่วยให้การหมุนมีความลื่นไหลและเบาแรงยิ่งขึ้น

ในการต่อสู้กับปลาขนาดใหญ่ที่ต้องรับภาระหนักอย่างต่อเนื่อง แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในส่วนออสซิลเลตระหว่างการหมุน อาจทำให้เกิดการสูญเสียพลังในการส่งกำลัง

เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ส่วนที่เกิดการเสียดสีจึงถูกเปลี่ยนจากโครงสร้างแบบเสา (Pillar) แบบเดิม ไปเป็นโครงสร้าง ออสซิลเลตแบบลูกปืนคู่ (2 Ball Bearing Oscillation)

ผลลัพธ์คือ ประสิทธิภาพการออสซิลเลตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% (ตามผลทดสอบของบริษัท) ทำให้แม้ในสภาวะที่มีภาระหนัก ก็ยังคงมีการตอบสนองที่ลื่นไหลตั้งแต่เริ่มหมุน พร้อมทั้งการหมุนที่เบาและทรงพลัง

Power Drive Rotor คือยูนิตด้านหน้าที่ออกแบบมาอย่างมีเหตุผลในรูปทรงทรงกลม โดยผสานความแข็งแกร่งและแรงเฉื่อยต่ำไว้ในหนึ่งเดียว

Power Drive Rotor ประกอบด้วย 2 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่

1. Crank Power Bail:

• ออกแบบเบลใหม่ เพิ่มความแข็งแรงและรองรับการส่งสายได้อย่างแม่นยำ

2. Tough Line Roller System:

• ปรับปรุงโครงสร้างไลน์โรลเลอร์ เพิ่มความทนทานและความลื่นไหลในการดึงสาย
  
  

รูปทรงโรเตอร์ที่ถูกออกแบบให้เหมือนถูกตัดจากทรงกลม ช่วยให้มีความสมดุลสูงและสมมาตรกับแกนหมุน ทำให้ทนต่อแรงภายนอกได้อย่างมั่นคง

โรเตอร์นี้มาพร้อมกับเบลและไลน์โรลเลอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยให้สามารถส่งสายได้อย่างแม่นยำ และเปลี่ยนเข้าสู่โหมดหมุนดึงสายได้อย่างลื่นไหล

วัสดุ: อลูมิเนียม (AL)

ในการตกปลาบิ๊กเกม การดึงสายกลับทันทีในทุกสถานการณ์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด

ด้วยการออกแบบเบลให้มี มุมเอียงที่เหมาะสม พร้อมเสริมความแข็งแรงของกลไกสปริง ช่วยให้สามารถนำสายที่มีแรงตึงเข้าสู่ไลน์โรลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ และลดการเปิด-ปิดโดยไม่ตั้งใจ

นอกจากนี้ ยังใช้โครงสร้างท่อกลวงแกนหนา (Hollow Pipe) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้สูงยิ่งขึ้น

เพื่อให้สามารถทนทานต่อภาระหนักซ้ำๆ ได้ แกนโรลเลอร์จึงถูกออกแบบให้มี พื้นผิวรองรับขนาดใหญ่ขึ้น และรวมเข้ากับแขนเบล ทำให้ไม่มีการคลอนที่เคยเกิดขึ้นจากรอยต่อแบบเดิม ส่งผลให้ความทนทานเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ ไลน์โรลเลอร์ที่ออกแบบใหม่สำหรับสาย PE ยังช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างสายกับโรลเลอร์ ทำให้การหมุนเบาขึ้นอย่างชัดเจน กลไกใหม่ที่แข็งแกร่งนี้เพิ่มทั้งความแข็งแรง ความทนทาน และลดปัญหาการพันกันของสายอย่างมาก

หมายเหตุ: สำหรับรุ่น 25 SALTIGA ใช้ไลน์โรลเลอร์แบบเฉพาะสำหรับสาย PE ที่ช่วยลดแรงเสียดทาน หากใช้กับสายโมโนฟิลาเมนท์ (เช่น ไนลอน หรือ ฟลูออโรคาร์บอน) อาจเกิดปัญหาสายบิดง่าย แนะนำให้เปลี่ยนเป็นไลน์โรลเลอร์แบบ Twist Buster สำหรับสายโมโนฟิลาเมนท์ (มีจำหน่ายแยก) โดยให้ SLP เป็นผู้ดำเนินการเปลี่ยนให้

DRD (Dynamic Roller Drag) คือระบบแดรกแบบใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อทนทานต่อการวิ่งของปลาขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นเวลานาน ป้องกันการสึกหรอและการเกิดความร้อนที่อาจทำให้เบรคยึดตัวในช่วงแรงดึงสูง

แทนที่จะใช้วอชเชอร์คาร์บอนแบบเดิม DRD ใช้วอชเชอร์ที่ประกอบด้วย แผ่นโลหะ 1 แผ่น พร้อมลูกกลิ้งโลหะ 8 ลูก การออกแบบนี้ช่วยลดการสูญเสียแรงแดรกที่เกิดจากความร้อน และมีความทนทานมากกว่าวอชเชอร์คาร์บอนถึง 5 เท่า (อ้างอิงจากการทดสอบของบริษัท)

นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความลื่นไหลในการเริ่มต้นลากสายได้อย่างดี

หมายเหตุ:

• รุ่น 18000-25000 ติดตั้ง DRD มาตรฐาน

• รุ่น 8000-14000 สามารถติดตั้ง DRD ได้โดยใช้อุปกรณ์เสริม SLP WORKS SALTIGA Spool DRD14000

• เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ แนะนำให้เปลี่ยนแดรกน็อบเป็น SLP WORKS SALTIGA DRD Radiational Knob (จำหน่ายแยก)

ATD (Automatic Drag System) คือระบบแดรกที่สามารถปรับการทำงานให้ลื่นไหลตามแรงดึงของปลา ทำให้แดรกทำงานได้อย่างนุ่มนวลและต่อเนื่อง

ATD Tough ใช้วัสดุวอชเชอร์คาร์บอนที่มีความทนทานสูง เน้นการเริ่มต้นการลากสายที่ลื่นไหลและการตอบสนองที่ดีเยี่ยม ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลกับการตั้งค่าแดรก สามารถโฟกัสกับการต่อสู้กับปลาได้อย่างเต็มที่

โครงสร้างกันน้ำเฉพาะของ DAIWA ที่สร้างกำแพงจาก น้ำมันแม่เหล็ก (Mag Oil) บริเวณช่องว่างระหว่างตัวเครื่อง (Body) และโรเตอร์ (Rotor) เพื่อป้องกันการแทรกซึมของน้ำทะเลและฝุ่นละออง

ตำแหน่งการติดตั้ง:

• บริเวณแกนพิเนียน (Pinion)

• บริเวณไลน์โรลเลอร์ (Line Roller)

• ทั้งสองด้านของเฟืองขับเคลื่อน (Drive Gear)

• ไลน์โรลเลอร์ (Line Roller) เป็นชิ้นส่วนที่ต้องรับน้ำและทรายโดยตรงจากสายที่ถูกดึงขึ้นมา การเพิ่มความสามารถในการกันน้ำของไลน์โรลเลอร์ภายใต้สภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบันเช่นนี้ ช่วยรักษาประสิทธิภาพการหมุนและความไวในการใช้งานให้คงอยู่ในระดับสูง

• นอกจากนี้ การป้องกันการสะสมของเกลือและสิ่งสกปรกยังช่วยลดปัญหาการฝืดและเพิ่มความลื่นไหลในการหมุน ส่งผลให้ลดการบิดงอของสาย (Line Twist) ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

• LC-ABS เป็นระบบที่ปรับปรุงรูปทรงขอบสปูลเพื่อให้การปล่อยสายเป็นไปอย่างราบรื่น

• ในขณะที่ LC-ABS SW ได้พัฒนาต่อโดยการนำรูปทรง สองชั้นแบบเรียว (Two-Stage Tapered Shape) มาใช้กับส่วนด้านบนของพื้นที่พันสายที่ลาดเข้าหาขอบสปูล

• ด้วยการออกแบบนี้ ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างสายกับขอบสปูลเมื่อปล่อยสายจากเส้นผ่านศูนย์กลางด้านลึก ทำให้ได้ ฟีลลิ่งการตีเหยื่อที่ลื่นไหล และเพิ่มประสิทธิภาพการปล่อยสายในช่วงท้ายของการตีเหยื่อ

• โดยเฉพาะเมื่อตีเหยื่อด้วยสายขนาดใหญ่ที่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นผ่านศูนย์กลางของการพันสายมาก จะช่วยเพิ่มระยะการตีเหยื่อได้ประมาณ 2% (ตามการทดสอบของบริษัท) รองรับความต้องการของนักตกปลาที่ต้องการตีเหยื่อให้ไกลขึ้น