★ พรีวิวอุปกรณ์ตกปลาต่างๆ ➞
1.รถไฟท้องถิ่น (Local Train): บางสถานี โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือสายที่คนใช้น้อย หากไม่มีคนกดปุ่มเปิดประตูจากด้านนอก ประตูจะไม่เปิดเองอัตโนมัติเหมือนในเมืองใหญ่ ดังนั้นถ้าเห็นประตูปิด อย่ารอให้มันเปิดเอง ให้หาปุ่มแล้วกดเปิดได้เลย (ปุ่มอยู่ข้างประตู)
2.ปุ่มข้ามถนน (歩行者ボタン): ตามสี่แยกเล็กๆ ในญี่ปุ่น ถ้าไม่มีคนกดปุ่ม ไฟเขียวสำหรับคนข้ามอาจไม่มาหรือใช้เวลานานมาก บางแยกใหญ่ๆ ใช้ระบบเซ็นเซอร์แทน ต้องไปยืนบริเวณที่กำหนดให้เซ็นเซอร์จับตัวคนก่อนไฟจะเปลี่ยน
3.ญี่ปุ่นมีอาวุธปืน แม้จะมีกฎหมายควบคุมเข้มงวดมาก แต่มีปืนอยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นปืนที่ผลิตในประเทศเพื่อใช้ในงานล่าสัตว์ หรือเป็นของตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐ คนทั่วไปแทบไม่มีสิทธิ์ถือ
4.หน้าตาสาวญี่ปุ่น: โดยรวมแล้วหน้าตาดีมาก ทั้งความน่ารักแบบธรรมชาติและการดูแลตัวเองดีเยี่ยม การแต่งหน้าหรือแฟชั่นก็ถือเป็นวัฒนธรรมหลักของสังคม
5.กัญชาในญี่ปุ่น แม้จะผิดกฎหมายและมีโทษรุนแรง แต่ในบางพื้นที่มีข่าวลือว่ามีการลักลอบขายในราคากรัมละราว 6,000 เยน อย่างไรก็ตาม ตำรวจญี่ปุ่นเอาจริงมาก และการครอบครองหรือเสพถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่อาจทำให้คุณถูกเนรเทศหรือจำคุกได้
6.ห้องน้ำสาธารณะ: มีจำนวนมากทั่วประเทศ และมักสะอาดน่าใช้ วิธีค้นหาอย่างง่ายคือเปิด Google Maps แล้วค้นคำว่า “近くのトイレ” (ห้องน้ำใกล้ฉัน)
7.ไม่มีตลาดโต้รุ่ง: หากหิวกลางดึก ให้เปิด Google Maps แล้วค้นคำว่า “近くのコンビニ” (ร้านสะดวกซื้อใกล้ฉัน) ร้านพวกนี้เปิด 24 ชั่วโมงแทบทุกร้าน และสามารถหาของกินอร่อยๆ ได้ตลอดคืน
8.อินเทอร์เน็ต: ถึงจะเป็นประเทศเทคโนโลยี แต่ความเร็วอินเทอร์เน็ต (โดยเฉพาะ Wi-Fi สาธารณะหรือ Pocket Wi-Fi) อาจช้ากว่าไทยมาก โดยเฉพาะในพื้นที่คนใช้หนาแน่นหรือตึกเก่า
9.เลี้ยวซ้ายไม่ได้ตลอด: ต่างจากเมืองไทย ญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ต้องรอไฟเขียวเสมอ เว้นแต่มีป้ายกำกับชัดเจน
10.ไฟแดงที่ให้คนเดินก่อน: ที่ญี่ปุ่น ไฟเขียวสำหรับคนข้ามมักมาก่อนรถเสมอ และจะมีเสียงเตือนให้คนตาบอดหรือเด็กฟังอีกด้วย
11.ซอยบางแห่งห้ามเข้าในช่วงเวลาเร่งด่วน: โดยเฉพาะซอยแคบๆ ใกล้โรงเรียนหรือบ้านพักอาศัย จะมีป้ายห้ามรถเข้าในช่วงเช้า เช่น 7:00–9:00 เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ควรสังเกตป้ายสีน้ำเงินขาวก่อนขับผ่านเข้าไป
12.ไม่มีถังขยะตามถนน แต่เมืองสะอาดมาก
หลังจากเหตุการณ์ก่อการร้ายโดยใช้ขยะซ่อนระเบิดเมื่อหลายปีก่อน ญี่ปุ่นเอาถังขยะออกจากที่สาธารณะเกือบหมด ถ้าจะทิ้งขยะ ให้พกกลับบ้านหรือหาร้านสะดวกซื้อแล้วทิ้งที่นั่น
13.เสียงประกาศในสถานีรถไฟจะแตกต่างกัน
แต่ละสายรถไฟมีเสียงดนตรีเฉพาะตัว (เช่น สาย Yamanote จะมีเสียงประกาศสุดคลาสสิก) ช่วยให้ผู้พิการทางสายตาแยกสถานีได้
14.จ่ายเงินที่ร้านสะดวกซื้อไม่ต้องยื่นให้พนักงานตรงๆ
ให้วางลงในถาดรับเงิน (受け皿) แล้วพนักงานจะหยิบไปเอง ถือเป็นมารยาทสำคัญ ปัจจุบันหลายๆร้านเปลี่ยนเป็นเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ อย่างเช่น 7Eleven
15.ไม่ควรเสียบตะเกียบปักลงในข้าว
ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพิธีศพ ห้ามทำเด็ดขาด! ถ้าจะวางตะเกียบให้หาที่วาง (箸置き) หรือพาดไว้ที่ขอบชาม
16.จอดจักรยานผิดที่ = โดนล็อกและเสียค่าปรับ
อย่าจอดจักรยานสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องหาที่จอดถูกต้อง ไม่งั้นโดนยกไปเก็บ ต้องไปจ่ายค่าปรับเพื่อไถ่คืน
17.“โอเบ็นโตะ” (ข้าวกล่อง) ที่สถานีรถไฟมีชื่อเสียงมาก
โดยเฉพาะ “เอกิเบ็น” (駅弁) ที่ขายเฉพาะสถานีใหญ่ เช่น โตเกียว, เกียวโต, โอซาก้า ห้ามพลาดเด็ดขาด
18.สุนัขสามารถขึ้นรถไฟได้
หากใส่ในกระเป๋าหรือกล่องตามขนาดที่กำหนด โดยต้องปิดสนิทและสัตว์ไม่ส่งเสียง
19.บางร้านอาหารต้องกดคูปองก่อนเข้า
ร้านราเมงหรือร้านอาหารเล็กๆ มักมีตู้ขายคูปองอยู่หน้าร้าน ต้องเลือกเมนู กดจ่ายเงินแล้วเอาใบคูปองไปให้พนักงาน ไม่งั้นจะยืนรอเก้อ
20.ร้านกินดื่มหลายแห่งคิดค่าบริการนั่งโต๊ะ (お通し)
แม้จะไม่ได้สั่งของกิน ก็อาจเจอค่าบริการ 300-500 เยน พร้อมกับอาหารว่างจานเล็กๆ ที่คุณไม่สั่งแต่บังคับเสิร์ฟ
21.แผนที่ในสถานีรถไฟซับซ้อนมาก
สถานีใหญ่ เช่น ชินจูกุ โตเกียว หรืออูเมดะ มีหลายชั้นหลายทางออก คำว่า “ทางออกทิศตะวันออก” อาจมี 4-5 ทางย่อย ต้องสังเกตหมายเลขทางออกด้วย เช่น 東口(東口6番出口)
22.ตู้ ATM ปิดตอนกลางคืน
ไม่เหมือนที่ไทย ตู้ ATM บางแห่ง โดยเฉพาะของธนาคารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม จะปิดหรือหยุดให้บริการหลัง 23:00 น. ต้องใช้ตู้ใน 7-11 หรือ Lawson แทน
23.บางร้านมี "ระบบสั่งผ่าน iPad หรือ โทรศัพท์" แต่ไม่มีภาษาอังกฤษ
ร้านอิซากายะหรือร้านซูชิแบบสายพาน บางแห่งใช้ iPad สั่งอาหาร ซึ่งอาจไม่มีเมนูอังกฤษ ต้องเดาเมนูจากภาพ
24.ข้ามถนนนอกทางม้าลาย = โดนปรับจริง
แม้ไม่มีรถมา แต่การเดินตัดข้ามถนนนอกจุดที่กำหนดถือว่าผิดกฎหมาย และตำรวจอาจเรียกเตือนหรือปรับได้จริงๆ
25.ขนมญี่ปุ่นมักแบ่งใส่ห่อเล็กๆ แม้ในห่อใหญ่
เป็นวัฒนธรรมที่คำนึงถึงการ "แบ่งปัน" และ "เก็บความสด" ดังนั้นเวลซื้อมาฝากต้องเผื่อพื้นที่กระเป๋าเยอะหน่อย เพราะห่อใหญ่ = ข้างในห่อเล็กหลายชั้น
26.ห้ามพูดคุยเสียงดังในโรงแรมหรือห้องพัก
ผนังบางมาก โดยเฉพาะโรงแรมราคาประหยัดหรือ AirBnB ถ้าคุยเสียงดังตอนดึกอาจโดนแจ้งเจ้าหน้าที่หรือโดนรีวิวแย่
27.แอร์ในโรงแรมมักไม่เย็นมากเพราะตั้งล็อคไว้
หลายโรงแรมโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนจะล็อคอุณหภูมิไว้ที่ 24–26°C เพื่อประหยัดพลังงาน ถึงจะกดต่ำลงก็ไม่เย็นเท่าไทย
28.ร้านอาหารบางแห่งมีระบบ “Eat and Go” ไม่เหมาะกับการนั่งนาน
โดยเฉพาะร้านยืนกิน (立ち食いそば) หรือร้านข้าวแกงกะหรี่แบบเร่งด่วน คนญี่ปุ่นจะกินเร็วและออกเลย ถ้านั่งนานจะดูไม่เหมาะ
29.ไม่มีน้ำเปล่าฟรีในร้านสะดวกซื้อหรือร้านขนมเล็กๆ
ต่างจากร้านอาหารปกติที่มีน้ำบริการ ร้านขนมหรือร้านนั่งกินใน 7-11 ต้องซื้อน้ำเองเสมอ
30.ตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง มักมี "ตราประทับสถานที่ (御朱印)" ให้สะสม
โดยเฉพาะวัด ศาลเจ้า หรือปราสาท คุณสามารถซื้อสมุด御朱印帳 แล้วเก็บตราปั๊มลายมือเขียนแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ได้ทุกที่ เป็นของสะสมที่คนญี่ปุ่นนิยมกันมาก
31.เครื่องซักผ้าสาธารณะบางเครื่องไม่มีน้ำร้อน
และบางเครื่องจะซัก-อบในตัว หากกดผิดโหมดอาจต้องรอ 90 นาทีโดยไม่ได้อบผ้าเลย
32.ซอยเล็กในญี่ปุ่นหลายสายไม่มีชื่อถนน
เวลาใช้ Google Maps อาจเห็นแต่เลขตึกและรหัสไปรษณีย์ ต้องดูพิกัดแบบแผนที่มากกว่าพิมพ์ชื่อถนน
33.เวลาเรียกตำรวจหรือกู้ภัยให้โทร 110 (ตำรวจ) / 119 (ไฟไหม้หรือแพทย์)
ไม่ใช่ 911 หรือ 112 แบบสากล
34.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขายในร้านสะดวกซื้อได้ตลอด 24 ชม.
ต่างจากหลายประเทศที่จำกัดเวลา แม้ตอนตี 2 ก็หาซื้อเบียร์หรือเหล้ากินได้
35.กล่องอาหารตามร้านสะดวกซื้อมีวันหมดอายุแบบ "นาที"
เช่น 23:45 และของเหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนหรือทิ้งทันทีตามเวลา
36.ไม่มีไม้จิ้มฟันวางกลางโต๊ะร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
หากต้องการให้ขอจากพนักงาน ไม่ใช่สิ่งที่วางไว้ให้หยิบเอง
37.ป้ายห้ามสูบบุหรี่บนถนนจริงจังมาก
หากสูบในเขตห้าม มีเจ้าหน้าที่สวมปลอกแขนคอยแจกใบปรับในทันที (สูงสุด 2,000 เยน)
38.รอยสักเล็กๆ แม้จะเป็นแฟชั่น ก็อาจทำให้เข้าออนเซ็นไม่ได้
บางที่ไม่แคร์ว่าเล็กหรือใหญ่ “แค่มี” ก็ถูกปฏิเสธ
39.ญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมใช้ “ตะเกียบคนละคู่” เวลาแชร์อาหาร
ต้องกลับด้านตะเกียบเพื่อคีบอาหารกลาง หรือใช้ตะเกียบพิเศษแยก
40.ร้านกาแฟบางแห่งห้ามใช้คอมพิวเตอร์หรือทำงานนานเกิน 1 ชม.
โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน จะมีป้ายเตือน "No PC" หรือจำกัดเวลาใช้งาน
41.รถไฟบางขบวนไม่มีถังขยะเลยแม้แต่ในห้องโดยสาร เช่นรถไฟท้องถิ่นสายยาวๆ ต้องพกขยะไว้กับตัวจนกว่าจะเจอจุดทิ้ง
42.ถนนเล็กบางเส้นไม่มีทางเท้า แต่คนยังเดินกันตามปกติ
ต้องระวังเวลาเดิน เพราะรถอาจขับเบียดชิดมาก
43.คนญี่ปุ่นไม่ถือของกินเดินกินริมถนน
ถือว่าเสียมารยาท ให้กินให้เสร็จที่จุดซื้อหรือหามุมสงบกิน (ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยสนใจรักษากฏระเบียบข้อนี้กันแล้ว มีให้เห็นกันบ้างประปราย)
44.ปุ่มกดข้ามถนนบางจุด มีเสียงสำหรับคนตาบอดเท่านั้น
ไม่ได้ทำให้ไฟเปลี่ยน ต้องรอรอบเหมือนเดิม
45.มีตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่จริงในญี่ปุ่น และยังใช้งานได้
มักอยู่ใกล้สถานีรถไฟหรือหน้าร้านสะดวกซื้อ
46.แท็กซี่ญี่ปุ่นสามารถออกใบเสร็จ (領収書) ได้ทุกรายการ
นักท่องเที่ยวบางคนไม่รู้ว่าสามารถขอใบเสร็จเพื่อเบิกหรือยืนยันค่าใช้จ่ายได้
47.วันหยุดราชการญี่ปุ่นที่ตรงกับวันอาทิตย์ จะเลื่อนไปวันจันทร์ (振替休日)
ทำให้บางช่วงมีวันหยุดยาวแบบไม่รู้ตัว เช่น Golden Week
48.ห้ามถ่ายรูปคนแปลกหน้าโดยไม่ขออนุญาต โดยเฉพาะเด็กและนักเรียน
เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและอาจโดนตำรวจเชิญได้
49.ร้านอาหารหรือคาเฟ่บางแห่งมี "ชั่วโมงหญิงล้วน" หรือ "ห้ามผู้ชายคนเดียวเข้า"
โดยเฉพาะคาเฟ่แนวหรูหราหรือธีมเฉพาะกลุ่ม
50.ระบบขนส่งสาธารณะไม่มีเสียงแตรเตือนเวลาออกจากสถานี
ต้องขึ้นให้ตรงเวลา รถไฟจะออกเลยโดยไม่มีเสียงเตือนใดๆ
51.ห้างบางแห่งมีที่สูบบุหรี่แยกเป็นห้องกระจก
เพื่อให้ไม่รบกวนผู้อื่น สูบบุหรี่กลางแจ้งอาจผิดกฎหมายในบางพื้นที่
52.ตู้กดน้ำในสถานีรถไฟบางแห่งมีขายน้ำอุ่นด้วย
เผื่อใช้ผสมนมผงหรือทำชาแบบพกพา
53.รถไฟบางสาย (โดยเฉพาะในชนบท) จะมีตู้รถไฟไม้แบบคลาสสิก
คนญี่ปุ่นเองยังตื่นเต้นเมื่อได้นั่ง
54.ร้านอาหารตามสถานีรถไฟ จะเปลี่ยนเมนูตามฤดูกาลอย่างชัดเจน
บางเมนูมีแค่ช่วงไม่กี่สัปดาห์ต่อปี
55.ญี่ปุ่นมีบริการเช่าร่มอัตโนมัติหน้าสถานีรถไฟ
ใช้บัตรแตะ หยิบร่ม พอไม่ใช้ก็คืนเข้าเครื่องได้เลย
56.ห้องน้ำในร้านสะดวกซื้อบางแห่ง มีระบบเซ็นเซอร์ปิดฝาอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินเข้า
เป็นเรื่องของสุขลักษณะและความเป็นส่วนตัว
57.รถยนต์ส่วนตัวที่ติดเครื่องเสียงดังก่อกวนผู้อื่นอาจโดนตำรวจเรียกเตือนได้
แม้จะอยู่ในลานจอดรถก็ตาม
58.ถ้าซื้ออาหารในร้านสะดวกซื้อแล้วอยากอุ่นร้อน พนักงานจะถามว่า "ให้เอาออกจากห่อก่อนมั้ย?"
เพราะบางห่อห้ามเข้าไมโครเวฟเด็ดขาด
59.ร้านซักผ้าหยอดเหรียญในญี่ปุ่นบางแห่ง มีกล้องจับเฉพาะ "คนหยิบผ้าคนอื่น" เพราะเคยมีเคสขโมยชุดชั้นในจนเป็นข่าว
60.ในโรงแรมแคปซูลบางแห่ง กล้องวงจรปิดจะซ่อนอยู่ในพัดลมระบายอากาศ
เพื่อป้องกันคนทำผิดในที่แคบ ๆ อย่างลับ ๆ
61.คนญี่ปุ่นบางคนมี "มือถือสองเครื่อง" เครื่องนึงไว้ใช้ทำงาน อีกเครื่องไว้ใช้เล่นเกมหรือคุยกับชู้
เรียกว่า "เครื่องงาน" กับ "เครื่องชู้"
62.มีร้านอาหารหลายแห่งที่เสิร์ฟเนื้อปลาวาฬ โดยไม่ติดป้ายแจ้งอย่างชัดเจน
ถือว่าเป็นของพิเศษ ต้องรู้จักถึงจะสั่งได้
63.ในย่านดังอย่างชิบูย่าหรือชินจูกุ มี "ร้านเงา" หรือร้านลับที่ไม่มีชื่อร้าน ไม่มีป้าย ต้องรู้จักถึงจะเข้าได้
มักใช้ระบบแนะนำจากลูกค้าประจำเท่านั้น
64.ตำรวจญี่ปุ่นสามารถ “สุ่มเช็คบัตรคนต่างชาติ” ได้โดยไม่ต้องมีเหตุผล
ถ้าคุณไม่มีบัตรอยู่กับตัว สามารถถูกควบคุมตัวได้ทันที
65.ร้านขายยาบางแห่ง มีห้องด้านหลังลับขายผลิตภัณฑ์ที่ “แพทย์ไม่แนะนำแต่ยังไม่ผิดกฎหมาย”
เช่น สารเร่งความขาวเร่งด่วน หรือสารเร่งลดน้ำหนักขั้นรุนแรง
66.คนญี่ปุ่นบางคนฝังเครื่องดักฟังไว้ในของใช้ภรรยาหรือคนในบ้าน
เป็นเรื่องที่พบในคดีความหลายคดี
67.โซน "ร้านขายของเล่นผู้ใหญ่" ในอากิฮาบาระ มีบางร้านซ่อนบันไดลับลงไปยังชั้นใต้ดินอีกระดับ
ขายของที่ถูกจำกัดในบางเขตหรือห้ามจำหน่ายทั่วไป
68.มีบริการลับชื่อว่า「裏カフェ」(อุระคาเฟ่ – คาเฟ่เงา) ที่ไม่ใช่คาเฟ่ธรรมดา แต่แฝงบริการเสริมแบบลับๆ
ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้า ต้องมีรหัสหรือได้รับการเชิญ
69.มีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่เช่าตู้ล็อกเกอร์ในสถานีรถไฟไว้ “ซ่อนความลับ” เช่น เงินสด ยา หรือจดหมายลับ
เป็นช่องโหว่ในกฎหมายที่ตรวจสอบยาก
70.นักเรียนญี่ปุ่นบางคนรับงานแฝงผ่านแอปแชต โดยใช้ชื่อว่า “レンタル彼女” (แฟนเช่าหรือเพื่อนเที่ยว)
แต่บางรายมีบริการพิเศษที่ขัดกับกฎหมาย
71.มีร้านนวดแอบแฝงที่ใช้ป้ายว่า “指圧整体” (ชิอัตสึ – นวดกดจุด) แต่ข้างในคือบริการลับแบบผู้ใหญ่
มักพบในย่านซันซุคะยะบาชิ หรืออูเอโนะ
72.มีผู้หญิงญี่ปุ่นบางกลุ่มที่ “เดินสายรับของฟรี” จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไม่เปิดเผยตัวตนว่าแต่งงานแล้ว
เรียกว่ากลุ่ม "โกโคนซูเปอร์เซฟ"
73.มีแอปในญี่ปุ่นชื่อว่า「ホストガチャ」ซึ่งให้สุ่มนัดเจอพนักงานร้านโฮสต์ โดยไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะได้ใคร
ถูกวิจารณ์เรื่องศีลธรรมแต่ยังถูกใช้งานอยู่ในวงแคบ
74.ชาวญี่ปุ่นบางกลุ่มเชื่อว่า มี “ตู้กดของลึกลับ” ที่ขายสินค้าที่ “ไม่ควรเปิดออกดู” ในบางตรอกซอย
เคยเป็นเรื่องเล่าใน 2channel ว่าเคยมีศพสัตว์อยู่ข้างใน
75.บางสถานีรถไฟมี “ห้องลับ” สำหรับเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ได้อยู่ในแผนผังสถานี
ใช้เป็นจุดพัก ตรวจสอบ หรือซ่อนผู้ต้องสงสัย
76.พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินญี่ปุ่นบางสายการบิน จะบันทึกพฤติกรรมผู้โดยสารไว้ในระบบเพื่อแชร์กัน
ใครนิสัยไม่ดีหรือทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมจะถูก “ขึ้นบัญชีลับ”
77.พิพิธภัณฑ์บางแห่งในญี่ปุ่นซ่อน “ชั้นล่างลับ” ไว้ใช้ทดลองของ หรือเก็บของผิดกฎหมายที่ตรวจยึดมา
เปิดให้เฉพาะผู้มีใบอนุญาตพิเศษเท่านั้น
78.โรงแรมแบบ Business Hotel บางแห่งมี “ประตูหลังกึ่งลับ” สำหรับแขก VIP หรือแขกที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว
ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดด้านหน้า
79.ชาวญี่ปุ่นบางกลุ่มนิยม "ซื้อลอตเตอรี่ต่างประเทศ" ผ่านเว็บลับ เพราะหวังรางวัลใหญ่กว่าลอตเตอรี่ญี่ปุ่น
แต่หลายเว็บมีการโกงสูงมาก
80.คนญี่ปุ่นบางคนมีงานอดิเรกลับคือ “ตามหาของในแม่น้ำ” เช่น จักรยาน ปืน มีด หรือแม้แต่ของต้องสงสัย
มี YouTuber ญี่ปุ่นบางคนทำคอนเทนต์แนวนี้แบบไม่เปิดเผยตัว
81.ในเขตชิบูย่า โตเกียว มี “ตู้หยอดเหรียญขายของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง” ซึ่งมักจะซ่อนอยู่ในตรอกหรือชั้นใต้ดิน โดยระบุว่าเป็น “ของใช้แล้ว” ซึ่งเรื่องนี้เคยถูกรายการสืบสวนเปิดโปงและมีคำถามด้านศีลธรรมอย่างรุนแรง
82.ในบางย่านของโอซาก้า เช่น คิตะ หรือชินเซไก มีร้านกินดื่มที่ไม่รับลูกค้าต่างชาติ ไม่ใช่เพราะเหยียด แต่เป็นเพราะเกรงกลัวปัญหาด้านกฎหมายหรือการสื่อสาร และมักจะไม่ติดป้ายแจ้งชัดเจน แต่ใช้การปฏิเสธทางวาจาอย่างสุภาพแทน
83.บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งมีระบบ “โอนย้ายคนที่เป็นภาระ” หรือที่เรียกกันว่า “มุมสงบ” ซึ่งจะให้พนักงานที่ถูกมองว่าไร้ประโยชน์ไปนั่งเฉยๆ โดยไม่ให้หน้าที่อะไรเลย เพื่อบีบให้ลาออกเองโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
84.ในช่วงกลางดึกของสถานีรถไฟโตเกียว จะมีการดำเนินงานซ่อมบำรุงจำนวนมากในชั้นใต้ดินที่ไม่ได้ปรากฏในแผนที่สาธารณะ โดยเจ้าหน้าที่ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและห้ามเปิดเผยข้อมูลกับบุคคลภายนอก
85.ชาวญี่ปุ่นบางคนใช้บริการ “ผู้ช่วยตาย” ซึ่งไม่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น แต่มีบริษัทนอกระบบที่แอบให้บริการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อช่วยการุณยฆาต โดยมีตัวแทนจัดการทุกขั้นตอนแบบเงียบที่สุด
86.ในแวดวงธุรกิจญี่ปุ่นระดับสูง มีการจัดงานเลี้ยงลับที่มีสาวบริการแบบ “ไม่ระบุชื่อ” เข้าร่วม ซึ่งมักถูกเชิญผ่านเครือข่ายส่วนตัวและไม่เปิดเผยแม้แต่พนักงานของโรงแรมที่ใช้จัดงาน
87.มีบาร์ในย่านรปปงหงิ โตเกียว ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติว่าเป็นแหล่ง “จ้างข้อมูล” ผ่านหญิงสาวที่เข้าไปผูกมิตรและคอยดึงข้อมูลเชิงลึกกลับไปให้ผู้ว่าจ้าง
88.ญี่ปุ่นเคยมีโครงการลับในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชื่อว่า “หน่วย 731” ซึ่งทำการทดลองโหดร้ายกับมนุษย์ และแม้หลังสงครามจะยุติไปแล้ว แต่มีข้อสงสัยว่าเอกสารบางส่วนยังถูกเก็บไว้โดยองค์กรของรัฐ
89.แหล่งข่าวหลายแหล่งยืนยันว่ามีการฝังกล้องวงจรปิดในโรงแรมแคปซูลราคาถูกบางแห่งในโตเกียว เพื่อขายวิดีโอผ่านตลาดมืด โดยเฉพาะช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมืองจำนวนมาก
90.แอปหาคู่ในญี่ปุ่นหลายแอปมักถูกใช้โดยสาวที่มีอาชีพรับจ้างเที่ยวหรือแม้แต่ขายบริการแฝง โดยผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นพนักงานที่ถูกส่งมาแบบมีค่าจ้าง
91.ร้านเน็ตคาเฟ่ 24 ชั่วโมงหลายแห่งถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนไร้บ้านที่ไม่ต้องการจดทะเบียนว่า “ไม่มีบ้าน” เพื่อหลบหลีกการตรวจสอบของทางการ
92.ในโรงเรียนระดับมัธยมปลายของญี่ปุ่นบางแห่ง เคยมีข่าวว่าครูหรือโค้ชกีฬาล่วงละเมิดนักเรียนแต่โรงเรียนเลือกปกปิดและไกล่เกลี่ยภายในเพื่อรักษาชื่อเสียงของสถาบัน
93.กลุ่มคนไร้บ้านในโอซาก้าและโตเกียวมีเครือข่ายลับที่คอยช่วยเหลือกันผ่าน “จุดแลกเปลี่ยนอาหาร” ที่ไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ และมักเปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา
94.ญี่ปุ่นมีบริษัทรับจ้าง “แยกแฟน” โดยจะใช้เทคนิคทางจิตวิทยาและการปลอมแปลงสถานการณ์เพื่อทำให้คู่รักทะเลาะและเลิกกันตามแผนลูกค้า ซึ่งมีการโฆษณาในเว็บใต้ดิน
95.ในย่านอากิฮาบาระ เคยมีการสืบพบว่ามีร้านเกมและคาเฟ่เมดบางแห่งเป็นแหล่งดึงเด็กหญิงวัยรุ่นเข้าวงการหนังผู้ใหญ่แบบไม่เปิดเผย โดยใช้วิธีการหว่านล้อมผ่านการคัดตัวแบบลับๆ
96.ตำรวจญี่ปุ่นสามารถขอตรวจสอบบัตรประจำตัวหรือหนังสือเดินทางของคนต่างชาติได้แม้ไม่มีหมายศาล หากมีเหตุอันควรสงสัย โดยอ้างอิงจากกฎหมายควบคุมคนต่างด้าว (อันนี้เขียนไปแล้ว แต่ขยายความเพิ่มเติม)
97.มีตึกบางแห่งในชินจูกุที่ถูกปล่อยทิ้งไว้หลายปี ทั้งที่ตั้งอยู่กลางแหล่งเศรษฐกิจ เพราะเคยมีคดีอาชญากรรมรุนแรงและไม่มีผู้เช่าใหม่กล้าเข้ามาเปิดกิจการต่อ
98.บ่อนการพนันใต้ดินในญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ในระดับลึก โดยมีระบบจ่ายค่าคุ้มครองให้กับกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น และมักเปลี่ยนสถานที่ทุก 3-6 เดือนเพื่อลดความเสี่ยงถูกจับ
99.ในวงการไอดอลญี่ปุ่น มีข่าวลือหนาหูว่าการเดบิวต์ของบางวงนั้นต้องแลกมาด้วยการ “ขึ้นเตียง” กับผู้บริหารค่ายหรือสปอนเซอร์ ซึ่งเคยมีอดีตไอดอลออกมาแฉแบบไม่เปิดเผยชื่อ
100.มีแก๊งปลอมใบขับขี่และบัตรประชาชนในญี่ปุ่นที่ดำเนินการผ่านแอปแชตลับ ซึ่งสามารถสั่งของปลอมแบบแนบเนียนจนใช้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ (บัตรประชาชนญี่ปุ่นหมายถึง ไซริวการ์ด ใช้คำว่าบัตรประชาชนเพื่อให้เข้าใจง่าย)
101.ญี่ปุ่นมีบริการที่เรียกว่า “แฟนเสมือนจริง” ที่มีผู้หญิงแชตหรือโทรหาคุณแบบบทแฟนจริงๆ แต่ในความเป็นจริงคือพนักงานที่ฝึกมาให้ตอบแชตตามสคริปต์เพื่อสร้างความผูกพันแบบจำลอง
102.บางบริษัทญี่ปุ่นจงใจไม่จ่ายโอทีให้พนักงานเต็มจำนวนโดยใช้เทคนิคการปรับเวลาหรือเขียนรายงานล่วงเวลาใหม่ ซึ่งถูกร้องเรียนแต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้
103.ในบางเมืองที่มีเขตอุตสาหกรรม มีรายงานว่ามีการฝังของเสียอันตรายลงใต้ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐ และถูกปิดข่าวไว้ด้วยการจ่ายเงินใต้โต๊ะ
104.ในห้องน้ำสาธารณะของบางสถานีรถไฟ เคยพบกล้องแอบถ่ายฝังไว้ในที่แขวนกระดาษทิชชู่ โดยฝีมือของพนักงานที่มีสิทธิ์เข้าดูแลห้องน้ำ
105.ญี่ปุ่นมีบริษัทรับจ้างจัดการศพแบบ “ไม่มีญาติ” ซึ่งจะทำทุกอย่างให้เสร็จในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง โดยมักไม่เปิดเผยว่าเก็บของมีค่าของผู้ตายไว้อย่างไร
106.คนญี่ปุ่นบางคนใช้บ้านของตัวเองเป็น “โกดังซ่อนสินค้า” ให้กับธุรกิจสีเทาแบบไม่เปิดเผย แลกกับค่าจ้างรายเดือนที่ไม่ต้องเสียภาษี
107.ในโรงเรียนบางแห่งของญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการกลั่นแกล้งที่ซับซ้อนถึงขั้นจัดลำดับ “ชนชั้นนักเรียน” โดยครูไม่กล้าเข้าไปยุ่งเพราะกลัวความขัดแย้งกับผู้ปกครอง
108.มีรายงานจากองค์กร NGO ว่าบางบริษัทญี่ปุ่นแอบใช้แรงงานต่างชาติผิดกฎหมายในไร่หรือโรงงานห่างไกล โดยยึดพาสปอร์ตและห้ามออกนอกพื้นที่
109.บางร้านอาหารเล็กๆ ที่ดูธรรมดาในโตเกียว เป็นแหล่งพบปะของพ่อค้าอาวุธหรือลูกค้าที่ต้องการซื้อของผิดกฎหมายจากต่างประเทศ
110.ญี่ปุ่นมีแหล่ง “ฝังข้อมูลดิจิทัล” ใต้ดินจริงๆ โดยองค์กรบางแห่งใช้ถ้ำเย็นธรรมชาติสำหรับเก็บเซิร์ฟเวอร์ลับที่ไม่ต้องพึ่งระบบไฟฟ้าสำรองจากภายนอก
111.ในวงการหนังผู้ใหญ่ญี่ปุ่นมีบางเรื่องที่นักแสดงไม่ได้เต็มใจร่วมถ่ายทำแต่ถูกบีบให้ถ่ายต่อ โดยใช้วิธีการข่มขู่ด้วยคดีความปลอม
112.มีหน่วยงานเอกชนในญี่ปุ่นที่เปิดรับสมัครคนมา “ทดสอบระบบความปลอดภัยสาธารณะ” ด้วยวิธีที่เสี่ยงต่อการกระทบประชาชนทั่วไปโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า
113.ในเมืองบางแห่งของญี่ปุ่นมีตู้ขายของที่ไม่เปิดเผยสินค้า จนกว่าคุณจะซื้อ ซึ่งมักถูกใช้เป็นช่องทางปล่อยสินค้าผิดกฎหมายแบบลับๆ
114.ญี่ปุ่นมีเทรนด์การจัดงานศพปลอม หรือ “งานลาพักจากชีวิต” ซึ่งคนที่เบื่อชีวิตจะเข้าร่วมพิธีที่สมจริงเหมือนตายจริง เพื่อกลับไปใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง
115.บางโครงการบ้านจัดสรรในญี่ปุ่นเลือกหลีกเลี่ยงการเปิดเผยว่าเคยมีเหตุฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่แล้วขายซ้ำในราคาถูก
116.บางโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกลมีประวัติว่าเคยทำการรักษาผิดจนคนไข้เสียชีวิต แต่ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสื่อเพราะมีการปกปิดข้อมูลจากฝ่ายบริหาร
117.มีบางศาสนาในญี่ปุ่นที่เปิดสอน “การอ้างกรรมเก่าเพื่อควบคุมจิตใจผู้นับถือ” และแฝงการชักจูงให้บริจาคทรัพย์สินแบบหมดตัว
118.คนญี่ปุ่นบางกลุ่มเชื่อใน “การล้างกรรมด้วยการเดินทางรอบประเทศ 88 วัด” ซึ่งมีบริษัทจัดแพ็คเกจลับรวมกับพิธีกรรมเหนือธรรมชาติที่ไม่เปิดเผยต่อคนทั่วไป
119.บริษัทบางแห่งจ้างนักจิตวิทยามาสอดแนมพนักงานผ่านกล้องวงจรปิดเพื่อวิเคราะห์ว่าใครมีแนวโน้มจะลาออกหรือทำผิดกฎ
120.ในบางวงการธุรกิจสีเทา มีบริการ "ปลอมชีวิตใหม่" ให้คนที่ต้องการหนีจากหนี้สินหรือปัญหาส่วนตัว โดยปลอมชื่อ เอกสาร และย้ายไปอยู่เมืองห่างไกลแบบไร้ตัวตน
121.มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งให้บริการ "รีเซ็ตชีวิต" แก่ผู้ที่ต้องการหายตัว โดยช่วยเปลี่ยนชื่อ ย้ายถิ่นฐาน ลบประวัติในโลกออนไลน์ และแนะนำงานใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักคุณอีกต่อไป
122.ในสถานีตำรวจญี่ปุ่นบางแห่งมี “ห้องสารภาพพิเศษ” ที่ไม่ได้อยู่ในผังเปิดเผย ใช้สอบสวนผู้ต้องสงสัยในคดีอ่อนไหว โดยไม่มีภาพหรือเสียงจากกล้องวงจรปิดภายนอกหลุดออกสู่สาธารณะ
123.มีรายงานว่าห้างดังในญี่ปุ่นบางแห่งปกปิดคดีข่มขืนในห้องลองเสื้อไว้หลายคดี โดยไม่แจ้งตำรวจทันที แต่เลือกจัดการภายในเพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ของห้าง
124.การขายเสียงพากย์สาวญี่ปุ่นแท้ ๆ สำหรับใช้ในเกมหรือหนังผู้ใหญ่ มีตลาดลับที่นักพากย์บางคนไม่รู้ว่าผลงานของตนถูกนำไปใช้ในเนื้อหาลามกโดยไม่ได้รับอนุญาต
125.ในญี่ปุ่นมีคลินิกผิดกฎหมายที่ให้บริการฉีดสารเร่งผิวขาวเกินขนาด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อไต แต่ยังคงมีลูกค้าใช้บริการเพื่อความสวยแบบเร่งด่วน
126.มีบางกรณีที่พนักงานพาร์ทไทม์ในร้านสะดวกซื้อถูกบังคับให้ทำยอดขายสินค้าบางอย่าง เช่น วิตามินหรือบุหรี่ โดยบริษัทต้นสังกัดขู่ลดชั่วโมงงานหากยอดไม่ถึง
127.ในโตเกียวมีคลับลับเฉพาะสำหรับผู้ที่มีรสนิยมทางเพศแบบเฉพาะเจาะจง เช่นการเลียนแบบสัตว์หรือหุ่นยนต์ โดยมีกฎเข้มงวดเรื่องความเป็นส่วนตัว
128.แม้ญี่ปุ่นจะเข้มงวดเรื่องยาเสพติด แต่มีรายงานว่าบางแก๊งยากูซ่ายังคงลักลอบนำยาเข้าโดยใช้คนแก่หรือผู้หญิงอำพรางตัวเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
129.ในย่านอากิฮาบาระมีการจัด “ห้องรวมสาวโอตาคุ” ที่เปิดให้สมาชิก VIP ได้ใช้เวลาร่วมกับสาวที่ชื่นชอบการ์ตูนหายากแบบส่วนตัวโดยไม่เปิดเผยกับสื่อ
130.ในบางเมืองมีกลุ่มผู้สูงอายุที่รวมตัวกัน “ฝึกการหายตัว” โดยทดลองใช้ชีวิตแบบไม่มีตัวตนในสังคม เป็นการฝึกเตรียมตัวก่อนตายแบบไม่เหลือพันธะ
131.มีโรงเรียนกวดวิชาบางแห่งที่รับนักเรียนชายโดยมีครูหญิงหน้าตาดีเพื่อจูงใจให้สมัครเรียน แต่มักมีข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ไม่เหมาะสม
132.บางบริษัทยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นจงใจตั้งนโยบายที่บีบพนักงานให้ลาออกเองเพื่อเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยเต็มจำนวน โดยใช้วิธีให้ทำงานซ้ำซากที่ไม่มีคุณค่า
133.ในญี่ปุ่นมีเว็บไซต์ลับที่ให้สมาชิกลงประกาศ “อยากมีประสบการณ์เฉียดตาย” แล้วมีผู้ให้บริการจัดเหตุการณ์เสี่ยงให้แบบสมจริง เช่น จัดฉากรถชนหรือถูกลักพาตัว
134.ผู้หญิงญี่ปุ่นบางคนมีอาชีพลับเป็น "นักเชียร์ฝัง" ในสนามแข่งม้า โดยหน้าที่คือปั่นราคาหรือส่งสัญญาณลับให้กับกลุ่มพนันที่อยู่เบื้องหลัง
135.นักเรียนมัธยมปลายบางกลุ่มมีการ “เช่าชุดนร.” ให้กับลูกค้าในย่านกลางคืนเพื่อความตื่นเต้น แม้จะไม่ผิดกฎหมายตรงๆ แต่เป็นประเด็นถกเถียงด้านจริยธรรมอย่างมาก
136.ญี่ปุ่นมีวัดบางแห่งที่เปิดบริการ “ไถ่บาป” โดยจ่ายเงินแล้วจะได้พิธีลบกรรมแบบส่วนตัว แม้จะไม่มีหลักฐานทางศาสนา แต่ยังมีผู้เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
137.บริษัทรถไฟเคยถูกร้องเรียนว่า ปิดข่าวการฆ่าตัวตายในสถานีเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาหุ้นตก โดยลบหลักฐานกล้องวงจรปิดและทำความสะอาดทันทีในตอนกลางคืน
138.มีการขาย “สคริปต์ปลอมการสัมภาษณ์งาน” สำหรับผู้สมัครที่ไม่มั่นใจ โดยมีโค้ชสอนเทคนิคโกหกแบบแนบเนียนเพื่อให้ผ่านบริษัทญี่ปุ่นระดับใหญ่
139.นักการเมืองท้องถิ่นบางรายใช้บริการ “เครือข่ายปั่นเสียงโหวต” โดยจ้างผู้สูงวัยในชุมชนไปลงคะแนนเสียงแลกกับคูปองซื้อของหรือข้าวสาร
140.ญี่ปุ่นมีสายการบินภายในประเทศบางสายที่ลดค่าใช้จ่ายโดยการจ้างพนักงานต้อนรับแบบฟรีแลนซ์ที่ไม่มีสัญญาจ้างประจำและไม่มีสวัสดิการใดๆ
141.ในเขตคันโตมี “หมู่บ้านร้าง” ที่ถูกยึดโดยชุมชนยากูซ่า และใช้เป็นสถานที่ซ้อมยิงปืนเถื่อน หรือเก็บของผิดกฎหมาย โดยไม่ปรากฏในแผนที่ทางการ
142.ในบางเขตของฮอกไกโด มีรายงานว่ามีบ้านที่ถูกใช้เป็นที่พักพิงให้คนต่างชาติเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย โดยแลกกับการทำงานใช้หนี้ค่าเดินทางที่สูงเกินจริง
143.ญี่ปุ่นมีธุรกิจ “ขายคำขอโทษ” ซึ่งเป็นบริการให้คนแปลกหน้ามาขอโทษแทนคุณในเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ผิดนัด เจ้านายไม่พอใจ หรือแฟนนอกใจ
144.บริษัทบางแห่งในญี่ปุ่นบังคับให้พนักงาน “ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง” เพื่อให้ยอดขายดูดีขึ้นในรายงานผลประกอบการ แล้วค่อยหาทางนำของไปขายทิ้งเองทีหลัง
145.ในมหาวิทยาลัยชื่อดังบางแห่งของญี่ปุ่นมีการเลือกปฏิบัติกับนักศึกษาหญิงในการรับเข้าคณะแพทย์ ซึ่งถูกเปิดโปงภายหลังว่าเป็นนโยบายลับเพื่อให้แพทย์ชายอยู่ต่อในระบบมากกว่า
146.ในโลกของโฮสต์คลับ ผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนมากจ่ายเงินหลักล้านเยนเพื่อซื้อใจโฮสต์คนโปรด แม้จะรู้ว่าไม่มีความสัมพันธ์จริง แต่ก็ยอมเพื่อ “รู้สึกมีตัวตน”
147.มีการจัดทัวร์ลับที่เรียกว่า “Dark Tokyo Tour” ซึ่งจะพาผู้เข้าร่วมไปเยี่ยมชมสถานที่อาชญากรรมจริง เช่น จุดฆ่าตัวตาย ตึกผี หรือซอยที่เคยมีการฆาตกรรม
148.ญี่ปุ่นมีแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เก็บสถิติเกี่ยวกับคดีฆ่าตัวตายแบบละเอียดทุกจุด แต่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะโดยตรง เพราะหวั่นเกรงว่าจะกระตุ้นให้มีการเลียนแบบ
149.บางกลุ่มศิลปินในญี่ปุ่นเปิด “คาเฟ่ลับ” ที่ให้ลูกค้าแลกเปลี่ยนงานศิลป์ผิดกฎหมาย เช่น ฟิกเกอร์เถื่อน ภาพวาดจากเกมหรืออนิเมะที่ไม่ได้รับลิขสิทธิ์
150.ในเขตชนบทของญี่ปุ่นบางแห่งยังมีการจัดพิธี “แต่งงานกับภูต” หรือ “เชิญวิญญาณบรรพบุรุษ” เข้าร่าง เพื่อขอคำแนะนำการดำเนินชีวิต โดยจัดในหมู่บ้านลับเฉพาะสายเลือด
151.ในโตเกียวมีบริการลับที่เรียกว่า “夜逃げ屋” (โยนิเกะยะ) หรือบริษัทรับจัดการการหนีหายตัว ซึ่งให้บริการตั้งแต่ย้ายของตอนกลางคืน ลบข้อมูล เอกสารตัวตน ไปจนถึงเปลี่ยนเบอร์โทรและชื่อใหม่ เหมาะสำหรับคนที่หนีหนี้ หนีคู่ครอง หรือถูกคุกคาม โดยการดำเนินการทั้งหมดไม่ผิดกฎหมายหากไม่ได้ปลอมแปลงเอกสารราชการ
152.โรงพยาบาลหลายแห่งในญี่ปุ่นมีระบบ “ซ่อนจำนวนเตียงว่างจริง” เพื่อควบคุมภาพลักษณ์การบริหารภายใน โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนที่ต้องการรักษาความรู้สึกพรีเมียมของผู้ป่วย VIP ระบบนี้ทำให้การหาเตียงสำหรับคนป่วยฉุกเฉินล่าช้าแม้จะมีเตียงว่างจริง
153.มีมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในคันโต เคยถูกเปิดโปงว่ามีนโยบายลับไม่รับนักศึกษาหญิงในสัดส่วนที่เท่ากับชายในคณะวิชาชีพเฉพาะ เช่น แพทยศาสตร์หรือวิศวกรรม เนื่องจากผู้บริหารเชื่อว่า "ผู้หญิงจะออกจากงานเร็วเพราะแต่งงาน"
154.แม้ญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย แต่ระบบ “ข้อหาติดตัว” ยังมีอยู่จริง กล่าวคือหากคุณเคยถูกตั้งข้อสงสัยแม้ไม่ได้กระทำผิด ตำรวจญี่ปุ่นจะบันทึกไว้ในระบบ และชื่อคุณอาจถูกขึ้นเป็น “บุคคลที่น่าจับตา” โดยที่ไม่สามารถขอดูหรือแก้ไขข้อมูลได้
155.คนญี่ปุ่นที่มีรายได้ต่ำจำนวนหนึ่งเลือกที่จะ "ตายอย่างเงียบ ๆ" ด้วยการไม่แจ้งตายกับเทศบาล ซึ่งในบางกรณีทำให้ศพถูกพบเมื่อกลิ่นโชยออกมาจากห้องพัก เรื่องนี้เรียกว่า “孤独死” (โคโดคุชิ – การตายอย่างโดดเดี่ยว) และเป็นปัญหาสังคมที่ทางรัฐเองก็ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างจริงจัง
156.ในวงการอนิเมะและมังงะ มีสำนักพิมพ์บางแห่งที่ยินยอมให้มีการใช้แรงงานต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ โดยใช้สัญญาแบบ “ฝึกงานศิลปิน” ซึ่งในความเป็นจริงคืองานจริงเต็มเวลา แต่ไม่มีสิทธิประกันสังคมหรือสวัสดิการใด ๆ
157.มีบริการลับในญี่ปุ่นชื่อว่า “レンタルおっさん” (Rental Ossan) ซึ่งคือการเช่าผู้ชายสูงวัยเพื่อไปนั่งคุย ฟังบ่น หรือเป็นเพื่อนเดินเที่ยว แม้จะดูตลกแต่ผู้ใช้บริการบางคนใช้เพื่อบำบัดอาการซึมเศร้าเรื้อรังหรือรับมือกับภาวะโดดเดี่ยวทางสังคม
158.ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งนิยมใช้ “ร้านพนันม้าออนไลน์ใต้ดิน” ซึ่งอาศัย loophole ทางกฎหมายเกี่ยวกับการวางเดิมพันจากต่างประเทศ แม้การพนันโดยตรงจะผิดกฎหมาย แต่มีระบบฝากถอนผ่านผู้ให้บริการรายย่อยที่รัฐบาลควบคุมไม่ได้โดยตรง
159.ในโตเกียวมีกลุ่มคนไร้บ้านที่รวมตัวกันตั้ง “องค์กรความช่วยเหลือตัวเอง” โดยมีระบบกองทุนส่วนกลาง การดูแลสุขภาพ และการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าอาหารภายในกลุ่มโดยไม่พึ่งพารัฐ ซึ่งไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเนื่องจากกลัวการสลายกลุ่มจากเจ้าหน้าที่
160.มีบริการลับในตลาดอากิฮาบาระที่เรียกว่า “撮影カフェ” ซึ่งอนุญาตให้ถ่ายภาพสาวในคอสตูมล่อแหลมในฉากที่จัดไว้ โดยมีค่าบริการแยกสำหรับท่าทางที่ "เร้าใจมากขึ้น" แม้จะไม่ผิดกฎหมายชัดเจน แต่ถูกจับตามองจากหลายหน่วยงาน
161.ในญี่ปุ่นมีโรงเรียนมัธยมปลายบางแห่งที่เปิด “คลาสธุรกิจบันเทิงลับ” โดยเน้นการฝึกบุคลิกภาพ พูดจา และการแต่งตัวเพื่อเข้าสู่วงการไอดอลหรือ AV โดยแฝงอยู่ในชื่อวิชาทั่วไป เช่น การสื่อสารสมัยใหม่ แม้จะไม่ระบุเป้าหมายชัดเจน แต่เนื้อหาเฉไฉชัดเจนมาก
162.มีระบบ “ผู้จัดการความสัมพันธ์ลับ” สำหรับไอดอลหญิงระดับกลางที่ยังไม่ดัง โดยบริษัทจะมีทีมจัดคิวให้พบแฟนคลับแบบส่วนตัวโดยไม่เปิดเผย เพื่อหารายได้พิเศษ และช่วยให้มีฐานแฟนเหนียวแน่นโดยไม่ต้องพึ่งคอนเสิร์ตหรือสื่อหลัก
163.ตำรวจญี่ปุ่นมีระบบเก็บข้อมูล “เหตุการณ์ที่เกือบผิดกฎหมาย” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ร้องเรียน แต่เจ้าหน้าที่ลงบันทึกไว้ เช่น การจับกลุ่มในที่เปลี่ยว พฤติกรรมดูแปลก ฯลฯ โดยไม่มีการแจ้งให้ผู้ถูกบันทึกรู้เลยว่าชื่อของตนอยู่ในระบบ
164.ในตลาดฟุกุโอกะมี "ร้านข้าวกล่องผี" ที่ไม่มีหน้าร้าน ไม่มีป้าย และรับออเดอร์ทางโทรศัพท์ลับเท่านั้น มีชื่อเสียงในกลุ่มคนกลางคืนเพราะเปิดบริการหลังเที่ยงคืนและขายอาหารที่ใช้วัตถุดิบเหลือจากร้านซูชิระดับไฮเอนด์
165.บริษัทบางแห่งในญี่ปุ่นใช้ “ระบบคัดออกเชิงจิตวิทยา” โดยให้พนักงานเข้าอบรมปลอมที่จริงคือการสังเกตปฏิกิริยา เพื่อตัดสินใจว่าใครควรถูกลดบทบาทหรือลดเงินเดือนในอนาคตโดยไม่ต้องแจ้งเหตุผลอย่างเป็นทางการ
166.การเช่าบ้านในญี่ปุ่นมีกฎลับที่เจ้าของบ้านไม่พูดตรงๆ เช่น ถ้าคุณอาศัยอยู่คนเดียวแต่ห้องมี "สัญญาณว่าอยู่สองคน" เช่น ผ้าขนหนูเพิ่มอีกผืนหรือรองเท้าเกิน จะถูกตักเตือนหรือยกเลิกสัญญาได้ทันที แม้จะไม่มีการจับได้ว่าฝ่าฝืนจริงๆ
167.มี “ร้านแอลกอฮอล์เถื่อน” ที่แอบเปิดเฉพาะช่วงตี 1 – ตี 4 โดยตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานธรรมดา ใช้ระบบนัดล่วงหน้าและจ่ายเงินสดเท่านั้น มักตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟหลักและมีช่องทางหลบหนีในกรณีถูกตำรวจตรวจค้น
168.ในเขตชนบทมีสถานีรถไฟร้างบางแห่งที่ยังคงเปิดไฟไว้ตลอดคืน แม้ไม่มีรถไฟจอดจริง ซึ่งเป็นผลจากข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์กับเทศบาลที่ยังไม่ยุติ ทำให้ต้องเปิดระบบบางส่วนทิ้งไว้เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับจากหน่วยงานกลาง
169.องค์กรศาสนาเล็กๆ บางกลุ่มในญี่ปุ่นถูกจับตาว่าเป็น “ศาสนาลวงโลก” โดยมีเป้าหมายจริงคือการดูดเงินจากสมาชิกผ่านคอร์สบำบัดกรรม บางแห่งเคยมีสมาชิกถึงขั้นขายบ้านขายรถมาเข้าโครงการ “ล้างบาป” จนชีวิตล่มสลาย
170.ญี่ปุ่นมีวงการลับชื่อว่า “ゴーストライフ” หรือ "ชีวิตเงา" ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีตัวตนทางกฎหมาย ไม่มีที่อยู่ ไม่มีบัตรประจำตัว แต่มีชีวิตอยู่จริงโดยใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะ นอนในเน็ตคาเฟ่ กินข้าวกล่องลดราคา และรับจ้างออนไลน์แบบไม่มีสัญญา
171.แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศสะอาด แต่สถานที่บางแห่งในโตเกียว เช่น ใต้ทางรถไฟหรือชั้นล่างสุดของห้างที่ไม่มีคนเดิน เคยถูกใช้เป็นที่ทิ้งขยะผิดกฎหมายแบบ “เชิงพาณิชย์” โดยเฉพาะเศษอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากร้านเกม
172.ในย่านคาบุกิโจมี “ห้องเช่าชั่วโมง” ที่ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีป้ายชื่อ และไม่มีพนักงานต้อนรับ ใช้การจองผ่านเครื่องอัตโนมัติและรับกุญแจจากกล่องเท่านั้น ใช้สำหรับกิจกรรมที่เจ้าของไม่ต้องการให้รู้ เช่น เจรจาธุรกิจเถื่อนหรือเซ็กซ์ลับ
173.มีธุรกิจลับที่ให้บริการ “ปลอมอดีต” เช่น การผลิตสมุดภาพวัยเด็ก ปลอมแฟ้มประวัติการเรียน และอ้างตัวว่าเคยทำงานในที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งใช้กันจริงในบางวงการเช่น AV หรือสายการขายตรงที่ต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่
174.บริษัทเงินกู้เถื่อนในญี่ปุ่นบางแห่งใช้วิธี "เรียกความละอาย" แทนการทวงหนี้ เช่น ส่งพวงหรีดไปที่บ้าน ส่งจดหมายลับถึงเพื่อนร่วมงาน หรือแอบใส่ใบปลิวหนี้ไว้ในตู้จดหมายของเพื่อนบ้าน ทำให้ลูกหนี้หลายรายต้องยอมจ่ายทั้งที่ไม่มีกำลัง
175.มีบริการเช่าหญิงสาวแต่งกายเป็นแม่ พี่สาว หรือภรรยา เพื่อไปเยี่ยมผู้ชายในโรงพยาบาลหรือที่บ้านชั่วคราวในฐานะ “คนในครอบครัว” ซึ่งมักใช้ในกรณีที่ชายคนนั้นไม่มีญาติพี่น้อง หรือถูกตัดขาดจากครอบครัวจริง
176.มีระบบเงียบๆ ที่ตำรวจญี่ปุ่นใช้กับต่างชาติเรียกว่า “ไวท์ลิสต์ – แบล็คลิสต์ลับ” โดยผู้ที่เคยให้ความร่วมมือหรือแจ้งเบาะแสจะได้เข้าระบบพิเศษที่ไม่ถูกสุ่มตรวจบัตรอีก ขณะที่ผู้ที่เคยขัดขืนจะถูกสุ่มตรวจซ้ำบ่อยกว่าปกติ
177.ในสถานที่ท่องเที่ยวดังอย่างเกียวโตและนารา มีแก๊ง “เก็บเงินนอกระบบ” ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่คอยอธิบายประวัติสถานที่ แล้วเรียกเก็บเงินปลายทาง โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวจีนหรือเอเชียที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น
178.ผู้ให้บริการรถรับจ้างบางรายในญี่ปุ่น (เช่นแท็กซี่เถื่อน) จะมีระบบ “รหัส” สำหรับลูกค้าขาประจำ เช่น บอกแค่ชื่อและสถานที่ แล้วจะได้บริการลับเช่น พาไปยังคลับลับ หรือบ่อนเถื่อนโดยไม่ต้องพูดมาก
179.ในโตเกียวมีร้านนวดแฝงที่ใช้ชื่อว่า “リラクゼーション” (Relaxation) โดยภายนอกดูเป็นร้านนวดปกติ แต่ข้างในมีเมนูพิเศษให้เฉพาะลูกค้าที่เคยใช้บริการแล้วหรือมีคนแนะนำเท่านั้น โดยบางแห่งมีระบบแสกนลายนิ้วมือแทนบัตรสมาชิก
180.ผู้หญิงญี่ปุ่นบางคนหารายได้จากการ “ขายเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว” ทางเว็บไซต์ใต้ดิน โดยมีระดับราคาขึ้นอยู่กับลักษณะกิจกรรมที่ทำในชุดนั้น เช่น “ใส่นอนไป 3 วัน” หรือ “ใส่ไปทำงานจริง” ซึ่งตลาดนี้แม้จะขัดกับศีลธรรมแต่ไม่ผิดกฎหมายชัดเจน
211.ในวงการบริการของญี่ปุ่นมีระบบที่เรียกว่า “アフター” (After) ซึ่งคือการที่พนักงานหญิงไปรับประทานอาหารหรือไปดื่มกับลูกค้านอกเวลางานโดยไม่ได้ระบุในสัญญา แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องสมัครใจ แต่ความจริงแล้วพนักงานบางคนถูกบีบโดยทางอ้อมว่า ถ้าไม่ทำ ยอดขายและเรตติ้งจะตก
212.ในย่านกินซ่ามีคลับลับเฉพาะสำหรับมหาเศรษฐีญี่ปุ่นที่ต้องสมัครสมาชิกโดยมีเงินฝากขั้นต่ำสิบล้านเยนขึ้นไป ภายในมีบริการหรูหราเหนือระดับรวมถึงการประมูลสาวพนักงานเพื่อดินเนอร์ส่วนตัวแบบไม่ปรากฏชื่อ โดยใช้รหัสแทนตัวลูกค้าและพนักงาน
213.คนญี่ปุ่นบางคนที่มีโรคจิตประเภท voyeurism หรือ exhibitionism แอบใช้ห้องอาบน้ำรวมของฟิตเนสเป็นสถานที่ทำกิจกรรมลับ และมีกรณีที่กล้องจิ๋วถูกติดไว้ในสบู่หรือฝักบัวเพื่อถ่ายวิดีโอขายในเว็บไซต์ใต้ดิน
214.มีตลาดออนไลน์ลับในญี่ปุ่นที่ซื้อขาย "บัตรประชาชนของผู้เสียชีวิต" เพื่อนำไปใช้เปิดบัญชีธนาคารม้า หรือเช่าบ้านหลบหนีการติดตามหนี้ โดยมีการปลอมเอกสารสนับสนุนจนแนบเนียนถึงระดับใช้ยื่นงานราชการได้
215.คนไร้บ้านในญี่ปุ่นบางกลุ่มถูกใช้เป็น “หุ่นเชิดทางกฎหมาย” โดยถูกว่าจ้างให้เปิดบริษัทผีหรือรับพัสดุผิดกฎหมาย แลกกับเงินไม่กี่พันเยนต่อครั้ง โดยตัวเองไม่รู้ว่ากำลังเข้าข่ายการกระทำผิด
216.ในอุตสาหกรรมหนัง AV มีกรณีที่ผู้หญิงถูกหลอกให้ไปถ่ายทำโดยใช้สัญญา “งานโฆษณาหรือถ่ายนิตยสาร” แต่เมื่อมาถึงสถานที่จริงถูกกดดันให้ถ่าย AV และถ้าไม่ยินยอมจะถูกปรับเงินหลายแสนเยนจากค่าผิดสัญญาที่เซ็นไว้ก่อน
217.มี "หอพักลับ" สำหรับสาวที่ทำงานในคลับกลางคืนระดับหรู โดยเจ้าของสถานที่มักจะเก็บบัตรประชาชนจริงไว้ และให้ใช้ชื่อปลอมขณะอยู่ในที่พัก เพื่อหลีกเลี่ยงการตามตัวจากแฟนเก่าหรือครอบครัว
218.เด็กมัธยมบางกลุ่มในญี่ปุ่นใช้แอปหาคู่ในการขายบริการแบบ "ไม่เปิดเผยหน้า" โดยใช้โปรไฟล์ชื่อปลอม รูปถ่ายแค่แขนหรือขา และนัดเจอในสถานีที่มีกล้องวงจรปิดน้อย เช่น สถานีเล็กๆ ในชนบทหรือชานเมือง
219.มีศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่ถูกปิดเงียบในโตเกียวเพราะมีกรณีให้ "เด็กนั่งดูโทรศัพท์หรือ iPad ทั้งวัน" แทนการสอนหรือเลี้ยงดูจริง แม้จะไม่ผิดกฎหมายตรงๆ แต่ถือเป็นช่องโหว่ของระบบสถานเลี้ยงเด็กในญี่ปุ่นที่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ทุกแห่ง
220.ในบางมหาวิทยาลัยมีกรณี "อาจารย์แอบถ่ายใต้กระโปรง" นักศึกษาหญิง ซึ่งมักเกิดจากการใช้กล้องปากกา กล้องในปุ่มเสื้อ หรือในซองเอกสาร โดยมีคดีหนึ่งที่กลายเป็นข่าวใหญ่ แต่ไม่มีการเปิดเผยชื่อเพราะมหาวิทยาลัยต้องการปกป้องชื่อเสียง
221.ตำรวจญี่ปุ่นมีสิทธิ "ควบคุมตัว 23 วันโดยไม่ตั้งข้อหา" ซึ่งถูกนักสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ว่าเปิดช่องให้มีการบังคับสารภาพผ่านแรงกดดัน แม้ผู้ต้องสงสัยจะไม่ยอมรับความผิดก็ตาม
222.บริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นบางแห่งใช้วิธี “คัดกรองทางโซเชียล” โดยจ้างบริษัทภายนอกมาไล่เช็กโพสต์ Facebook, Instagram, X (Twitter) ของผู้สมัครงานย้อนหลังไปถึงมัธยมปลาย โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
223.ในเขตไซตามะเคยมีกรณี “พนักงานเก็บศพ” ที่นำของมีค่าของผู้เสียชีวิตไปขายต่อโดยไม่แจ้งบริษัท เช่น แหวนทอง โทรศัพท์ หรือเงินสด เพราะเชื่อว่าญาติไม่สนใจตรวจสอบทรัพย์สินคนตายที่อยู่ตัวคนเดียว
224.กลุ่มยากูซ่าขนาดเล็กบางกลุ่มในคันไซหันมาเปิด “ร้านอาหารตามสั่ง” เป็นแนวหน้า แต่ใช้ร้านเป็นจุดฟอกเงินจากธุรกิจผิดกฎหมาย โดยไม่ต้องผ่านระบบภาษีปกติเพราะรายได้จะแสดงต่ำกว่าความจริงเสมอ
225.ในญี่ปุ่นมีบริการ “นักล้างบ้านคนตาย” ซึ่งบางรายไม่ใช่บริษัทจริง แต่คือกลุ่มคนที่แฝงตัวไปเก็บของมีค่าก่อนจะเรียกบริษัทเก็บศพมาอีกที เป็นวงจรปิดเงียบที่ผู้ว่าจ้างส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าถูกขโมยก่อนแล้ว
226.ในคลินิกจิตเวชบางแห่งของญี่ปุ่นมีการจ่ายยาสะกดอารมณ์แรงเกินขนาด โดยเฉพาะกับผู้ป่วยสูงอายุ เพื่อให้สงบและไม่พูดมาก ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมเร่ง หรือกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงถาวรโดยไม่ได้รับความยินยอมจากญาติ
227.มีอพาร์ตเมนต์ราคาถูกในโอซาก้าที่เจ้าของปล่อยเช่าเฉพาะให้กับ “ผู้สูงอายุที่พร้อมจะตาย” โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องการค้างค่าเช่า และไม่มีการแจ้งตำรวจทันทีเมื่อเสียชีวิต เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ
228.บางบริษัทผลิตอาหารแช่แข็งมีการนำ “ของคืนจากซูเปอร์มาร์เก็ต” มาล้างแล้วแพ็คใหม่เป็นล็อตส่งออกต่างประเทศ เพราะกฎหมายญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้ขายซ้ำในประเทศ แต่ไม่มีข้อห้ามชัดเจนเรื่องการส่งออก
229.ในย่านชิโมคิตาซาวะมีร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่เปิดชั้นใต้ดินเป็น "ห้องสมุดลับ" สำหรับการอ่านหนังสือลามกเฉพาะกลุ่ม โดยต้องขออนุญาตเจ้าของร้านและจ่ายค่าสมาชิกปีละหลายหมื่นเยน
230.มีระบบ “ห้องอับอาย” ในโรงเรียนญี่ปุ่นบางแห่ง ซึ่งใช้ขังนักเรียนที่ทำผิดกฎ เช่น ผมยาวหรือลืมเข็มขัด เป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง โดยไม่มีครูคอยดูแล ถูกวิจารณ์หนักเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่ยังคงใช้อยู่ในบางโรงเรียนชนบท
261.มีรายงานว่าในช่วงโอลิมปิก โตเกียว 2020 มีการกวาดล้างคนไร้บ้านจำนวนหนึ่งในย่านอุเอโนะและชินจูกุ โดยทางการใช้วิธี "เกลี้ยกล่อมและบีบบังคับ" ให้ย้ายออกไปยังพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ปรากฏในข่าวและไม่มีสถิติการเคลื่อนย้ายอย่างเป็นทางการ
262.ในวงการแพทย์ญี่ปุ่นมีแนวโน้ม “แอบแปะรหัส” เพื่อเพิ่มค่ารักษา เช่น เขียนว่าผู้ป่วยมีโรคแทรกซ้อนเล็กน้อยหรือเคสเร่งด่วน ทั้งที่ไม่ใช่ เพื่อให้เบิกค่าบริการกับระบบประกันสุขภาพได้สูงขึ้นโดยที่คนไข้ไม่รู้ตัว
263.เด็กม.ต้นและม.ปลายในโตเกียวบางกลุ่มมีพฤติกรรม “รับจ้างทำผิดกฎหมายเล็กๆ” เช่น ขนของต้องห้าม ส่งของในตู้ล็อกเกอร์สาธารณะ หรือรับพัสดุที่ไม่มีชื่อผู้ส่ง โดยได้เงินครั้งละ 3,000–10,000 เยน ผ่านแอปแชตลับ
264.บริษัทเทคโนโลยีญี่ปุ่นบางแห่งใช้ “กล้องตรวจจับสีหน้า” ของพนักงานเพื่อวัดระดับอารมณ์ระหว่างการทำงาน โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า และใช้เป็นข้อมูลลับในการประเมินพนักงานว่าควรให้โบนัสหรือไม่
265.ในบางจังหวัดของญี่ปุ่นมี "บ้านพักเถื่อน" ที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยชราหรือผู้ป่วยจิตเวช โดยไม่มีใบอนุญาตหรือผู้ดูแลที่มีความรู้จริง ใช้เพียงพนักงานรายวัน และมักมีการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนอยู่เป็นระยะ
266.ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นเคยเกิดกรณี “แฮกเกอร์ปลอมคะแนน” โดยนักเรียนมัธยมที่เก่งด้านคอมพิวเตอร์เข้าไปดึงข้อมูลและเปลี่ยนคะแนนก่อนที่จะถูกจับได้ภายหลังจากการตรวจสอบซ้ำของผู้ปกครอง
267.ในย่านอาซากุสะมีซอยเล็กๆ ที่เรียกกันในหมู่คนท้องถิ่นว่า “ซอยแม่มด” ซึ่งมีหญิงสูงวัยหลายคนอ้างว่าติดต่อกับวิญญาณได้ มีการดูดวง พิธีขับไล่สิ่งชั่วร้าย และขายของที่ว่ามีมนต์ โดยทั้งหมดไม่มีใบอนุญาตทางศาสนา
268.กลุ่มพนักงานบริษัทในโตเกียวบางกลุ่มรวมตัวตั้งวง "ดื่มด่ำซึมเศร้า" ซึ่งนัดดื่มเหล้าโดยไม่พูดคุยกันเลย นั่งเงียบ ๆ ทั้งกลุ่มและฟังเพลงเศร้า เป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดทางใจแบบไม่เป็นทางการ
269.ในบางโรงเรียนมัธยมญี่ปุ่นยังมีการบังคับให้ตรวจ “สีชุดชั้นใน” ของนักเรียนหญิงโดยครูผู้หญิง โดยอ้างว่าเพื่อความเรียบร้อยของเครื่องแบบ ซึ่งสร้างความอึดอัดให้กับนักเรียนจำนวนมากและถูกสื่อบางสำนักเปิดโปงแต่ยังมีอยู่ในบางพื้นที่
270.วงการอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นมีเว็บไซต์ลับที่ระบุว่า “บ้านนี้เคยมีคนตาย” หรือ “บ้านฆาตกรรม” โดยตั้งราคาถูกมากและไม่สามารถค้นหาเจอจากเว็บไซต์หลักทั่วไปได้ ผู้ขายส่วนใหญ่ไม่แจ้งตรงๆ เว้นแต่ถูกถาม
271.มีผู้หญิงญี่ปุ่นบางคนหารายได้เสริมด้วยการขาย “คลิปเสียงหายใจ เสียงกัดเล็บ หรือเสียงบ่น” ผ่านเว็บไซต์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งถือเป็น fetishes ประเภท ASMR ที่ได้รับความนิยมแบบไม่เปิดเผย
272.มีองค์กรลับที่รับอาสาสมัคร “เป็นศพ” ให้กับโรงเรียนแพทย์ฝึกหัด โดยไม่ผ่านระบบราชการหรือการบริจาคทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ แต่รับค่าตอบแทนก้อนสุดท้ายก่อนตาย พร้อมดูแลการตายให้ "ไม่มีปัญหา"
273.ร้านคาราโอเกะบางแห่งในโตเกียวมี “ห้องพิเศษ” ที่ให้บริการสาวนั่งร้องเพลงเป็นเพื่อนแบบไม่ติดกล้องวงจรปิด และใช้ระบบบัตรเงินสดที่ไม่สามารถตรวจสอบชื่อผู้จ่ายได้
274.มีบริการให้เช่าเด็กวัยรุ่น “แกล้งเป็นลูก” สำหรับงานแต่งงานหรืองานศพของครอบครัวที่ไม่มีญาติ ซึ่งจะสวมบทบาททั้งในพิธีและงานเลี้ยง โดยค่าจ้างสูงถึงวันละ 50,000 เยน
275.ในหมู่บ้านห่างไกลของญี่ปุ่นมี “วันเงียบงัน” ซึ่งเป็นวันที่ทุกคนจะไม่พูดกับใครเลย 24 ชั่วโมง ถือเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมาหลายร้อยปีเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษและฝึกสติโดยไม่เปิดเผยให้สื่อรู้
276.มีศิลปินภาพวาดใต้ดินในเกียวโตที่วาดภาพจาก “คำสารภาพบาปลับของลูกค้า” โดยไม่เปิดเผยชื่อ และขายเฉพาะในตลาดศิลปะลับ โดยบางภาพกลายเป็นเรื่องเล่าหลอนในหมู่คนสะสมงานศิลป์
277.คลินิกเสริมความงามบางแห่งในญี่ปุ่นให้บริการ “เข็มฟื้นฟูจิตใจ” โดยอ้างว่าฉีดสารพิเศษเข้าสู่จุดพลังงานของร่างกายเพื่อคลายบาดแผลทางจิตใจ แม้ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์แต่ได้รับความนิยมสูง
278.ระบบภาษีท้องถิ่นของญี่ปุ่นเปิดช่องให้เจ้าของบ้านปล่อยเช่าในราคาถูกพิเศษถ้าเป็น “บ้านร้างมรดก” แต่มีหลายเคสที่เจ้าของใช้เป็นที่เก็บของผิดกฎหมายหรือสินค้าฟอกเงินโดยไม่มีผู้เช่าจริง
279.นักเรียนญี่ปุ่นบางคนรวมกลุ่มทำ “ไลฟ์กล้องลับในห้องเรียน” โดยวางกล้องไว้ในกระเป๋าหรือกล่องดินสอแล้วสตรีมไปยังแพลตฟอร์มปิดเพื่อหารายได้จากผู้ชมต่างชาติที่ชื่นชอบ “บรรยากาศจริงในโรงเรียนญี่ปุ่น”
280.มีหอพักพนักงานบริษัทบางแห่งที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในโถงห้องน้ำและห้องครัวโดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วใช้ตรวจสอบพฤติกรรมของพนักงานนอกเวลางาน
281.นักเรียนมัธยมในโตเกียวบางกลุ่มตั้ง “ห้องลับในรถไฟ” โดยนัดกันขึ้นขบวนสุดท้ายของรถไฟเพื่อจัดปาร์ตี้เงียบในโบกี้ว่าง มีการเปิดไฟมือถือ ดื่มน้ำอัดลม และเล่นเกมเงียบๆ แบบไม่มีเสียง
282.ในย่านโอคุโบะ โตเกียว มีร้านอาหารเกาหลีบางแห่งที่เปิดบริการห้อง “ทดสอบกลิ่นตัว” โดยลูกค้าจ่ายเงินเพื่อให้พนักงานสูดกลิ่นตัวแล้วให้คำแนะนำว่าเหมาะกับน้ำหอมประเภทใด
283.มีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่แอบจ้างแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายโดยจ่ายเงินสด และสอนให้ท่องคำว่า “ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้” เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบหรือตอบคำถามของเจ้าหน้าที่
284.มีบริการ "สั่งล่วงหน้าให้ถูกจับ" ซึ่งคือคนที่อยากเข้าสู่ระบบคุมขังด้วยเหตุผลทางจิต เช่น เบื่อชีวิต ภาระหนี้ หรืออยากหนีครอบครัว โดยบริษัทจะช่วยจัดฉากเล็กๆ ให้ตำรวจมีเหตุควบคุมตัวโดยไม่ต้องทำผิดจริงจัง
285.คลินิกจิตเวชบางแห่งเสนอโปรแกรม “พักใจในโรงแรมลับ” โดยให้ผู้ป่วยเข้าพักในห้องที่ตกแต่งพิเศษ มีเสียงคลื่น กลิ่นไม้หอม และไม่มีทีวีหรืออินเทอร์เน็ต เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจในสัปดาห์วิกฤต
286.นักเรียนญี่ปุ่นบางคนเล่น “เกมส่งของวิเศษ” โดยนำสิ่งของประหลาด เช่น ไก่ดิบ รูปภาพแปลกๆ หรือข้อความขู่ ไปใส่ไว้ในตู้ล็อกเกอร์ของโรงเรียนอื่นแบบสุ่ม เป็นการแกล้งกันเชิงพิธีกรรมโดยไม่เปิดเผยตัว
287.มีห้องทดลองใต้ดินของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่ใช้ศึกษา “ปฏิกิริยาของมนุษย์เมื่ออยู่ในความมืดสนิทนาน 72 ชั่วโมง” โดยไม่มีไฟ ไม่มีนาฬิกา และไม่พูดคุย นักศึกษาที่เข้าร่วมจะถูกบันทึกข้อมูลเพื่อศึกษารูปแบบจิตใจ
288.ในบ่อนปาจิงโกะบางแห่งมีระบบ “ตั๋วแลกความเสี่ยง” ซึ่งคือการนำบัตรสะสมคะแนนไปแลกเงินในร้านข้างๆ ที่เป็นเจ้าของเดียวกัน แต่ไม่อยู่ในตัวอาคารเพื่อเลี่ยงกฎหมายการพนันตรงๆ
289.มีองค์กรลับของนักเขียนนิยายอีโรติกที่จัดเวิร์กช็อปลับทุกปีบนเรือสำราญที่ออกจากคานากาวะ ใช้ชื่อว่า “夜の物語航海” (การเดินทางแห่งเรื่องราตรี) โดยห้ามถ่ายภาพ ห้ามนำมือถือเข้า และต้องมีหนังสือพิมพ์งานผ่านแล้วอย่างน้อย 3 เรื่อง
290.ในย่านอุเอโนะมีห้องแสดงศิลปะเล็กๆ ที่จัดงาน “ลมหายใจแห่งความตาย” โดยผู้เข้าชมต้องใส่หน้ากาก ดื่มน้ำชารสขม แล้วฟังเสียงคนกำลังสิ้นใจผ่านหูฟังเพื่อให้เข้าใจคุณค่าของชีวิต
291.มีอพาร์ตเมนต์ลับในคาวาซากิที่ให้เช่าเฉพาะผู้ที่มี “เรื่องราวส่วนตัวกับความตาย” เช่น เคยฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ หรือเสียคนรักกระทันหัน ผู้เช่าต้องกรอกแบบฟอร์มความเจ็บปวดทางจิตใจก่อนทำสัญญา
292.ในโอซาก้ามีคลับที่ให้บริการ “บาร์คนพูดไม่ได้” ซึ่งพนักงานทุกคนสื่อสารด้วยการเขียนเท่านั้น บางคนเป็นโรค PTSD หรือเลือกใช้การนิ่งเงียบเป็นวิธีรักษาใจ และลูกค้าที่เข้ามาต้องสื่อสารแบบเดียวกัน
293.มีพิธีลับที่ชื่อว่า “พิธีปิดปีเก่าแบบไม่พูด” ซึ่งสมาชิกกลุ่มจะรวมตัวกันในบ้านหลังหนึ่ง นั่งล้อมเทียน พูดคำสุดท้ายของปี และปิดปากเงียบจนถึงเช้า เชื่อว่าทำให้ปีใหม่เริ่มต้นด้วยจิตใจบริสุทธิ์
294.มีกลุ่มอดีตนักเรียนแพทย์ที่ไม่จบการศึกษา รวมตัวกันเปิดคลินิกเถื่อนเพื่อรักษาโรคแปลกๆ ที่วงการแพทย์ทั่วไปไม่รับรักษา โดยมีคนไข้บางกลุ่มให้ความเชื่อถือสูงเพราะ “ไม่มีที่อื่นยอมรับพวกเขา”
295.มีหญิงชราคนหนึ่งในชิบุยะที่เป็น “นักจัดบ้านศพ” ผู้เชี่ยวชาญในการจัดข้าวของในบ้านที่มีคนตายแบบลึกลับ โดยสามารถบอกได้จากของในบ้านว่าคนตายนั้นมีความรู้สึกสุดท้ายแบบไหน
296.มีธุรกิจให้เช่าชุดนักเรียนมัธยมต้นแบบเก่า (ยุค 80–90) ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ใช่นักเรียน แต่เป็นคนวัยผู้ใหญ่ที่ “อยากย้อนเวลา” โดยให้บริการทั้งชุด รองเท้า ถุงเท้า และกลิ่นปรุงพิเศษให้เหมือนของจริง
297.ในโรงงานอาหารบางแห่งมีระบบ “กะผี” ซึ่งคือกะกลางคืนที่ไม่มีใครกล้าอยู่เกินเวลาที่กำหนด เพราะเคยมีคนเห็นเงาในสายพานหรือได้ยินเสียงของคนที่ตายจากอุบัติเหตุในโรงงานแห่งนั้น
298.ในนางาโนะมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทุกบ้านมี “หุ่นไล่กาแบบคนจริง” ซึ่งทำขึ้นโดยใส่เสื้อผ้าเก่าของคนในครอบครัวที่เสียชีวิตไว้ และชาวบ้านเชื่อว่าเป็นวิญญาณเฝ้าบ้าน ไม่มีใครกล้าเผาหรือทิ้งหุ่นเหล่านี้เด็ดขาด
299.มีร้านราเมงลับที่เปิดเฉพาะวันพระจันทร์เต็มดวง โดยใช้ซุปที่ต้มจาก "เครื่องในวัวดำจากคุมาโมโตะ" ที่อ้างว่ามีพลังฟื้นฟูจิตใจ ลูกค้าต้องนัดล่วงหน้า และไม่มีเมนูให้เลือก
300.สุดท้าย ร้านกาแฟเล็กๆ ในฮาโกดาเตะให้บริการ “จดหมายถึงตัวเองใน 10 ปี” โดยให้ลูกค้าเขียนจดหมาย แล้วร้านจะเก็บไว้ในตู้เซฟลับ และส่งกลับให้ตามที่อยู่ในวันที่กำหนด โดยไม่มีการติดต่อหรือเตือนล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้น